วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทำไมต้องมีความรัก

ภาพประกอบ
ทำไมเราต้องมีความรัก
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
  • เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องมี "ความรัก"
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องรักคนๆ หนึ่งมากกว่าตัวเอง
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องคิดถึงเค้าก่อนคนอื่นเสมอ
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องแคร์เค้ามากกว่าทุกสิ่ง
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องรอคอยเค้า
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องเสียใจเพราะเค้าไม่รัก
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องยิ้มได้ถ้าเค้ามีความสุข
    เคยถามตัวเองบ้างไหม...ว่าทำไมเราต้องเสียน้ำตาเพราะเรื่องของเค้า


    ถ้าคุณตอบตัวเองได้ทั้งหมด...
    ความรักของทุกคนก็คงออกแบบได้
    ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว...
    ไม่มีใครเคยออกแบบความรักได้อย่างสวยหรู
    ไม่มีใครกำหนดความรัก ให้มันเป็นไปตามใจต้องการ
    เพราะ 
    "ความรัก" มักใช้ "ความรู้สึก" มากกว่า "เหตุผล"      

    เพียงแค่คุณเปิดใจยอมรับกับมัน
     และทำทุกสิ่งทุกอย่างให้มีความสุข
    แค่นี้คุณก็จะตอบตัวเองได้แล้วว่า
    เรามี "ความรัก" เพราะอะไร



หลายคนอาจมีความรัก
หลายคนเคยอกหัก
หลายคนเคยผิดหวัง
หลายคนเคยท้อแท้
หลายคนเคยเข็ดกับความรัก
หลายคนเคยเสียน้ำตา
หลายคนเคยคิดสั้น
หลายคนเคยมองว่าตัวเองโง่
แต่เราก็อยู่ได้เพราะความรัก
รักไม่ได้ทำร้ายใครแต่เราตังหากที่ทำร้ายตัวเอง
เปิดใจรับมันแล้วชีวิตจะมีความสุข >.<....!!!


รัก 6 ประเภท 

        วันนี้มีรูปแบบของความรักมาฝากให้คิดกันว่า . . . ความรักของคุณในตอนนี้เป็นแบบไหนกันบ้าง

Cool >1. ความรักแบบเสน่หา (Eros) 

        ความรักเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต แม้จะไม่มากพอที่จะทำลายตนเอง หรือรู้สึกถูกใจอีกฝ่ายตั้งแต่แรกเห็น คล้ายรักแรกพบ ความดึงดูดใจซึ่งกันและกัน การแสดงออกมาทั้งคำพูดและการแสดงความใกล้ชิด อยากเจอกันทุกวัน ถ้าเป็นไปได้ วาดฝันเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้งดงาม และไม่ได้คาดการณ์ถึงอุปสรรคใดๆ

        คู่รักประเภทนี้พยายามพัฒนาสัมพันธภาพกับคู่ของตนอย่างรวดเร็ว โดยการเปิดเผย ซื่อสัตย์ และจริงใจ ใส่ใจคู่รักมากเป็นพิเศษ แต่ไม่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรือกลัวว่าจะมีคู่แข่ง

Cool >2. ความรักแบบไม่ผูกมัด (Ludus) 

        ความรักเป็นเกมชนิดหนึ่ง เพื่อความบันเทิงของทั้งสองฝ่าย หลีกเลี่ยงการผูกมัด สามารถผลัดเปลี่ยนคู่ไปได้เรื่อยๆ พยายามที่จะไม่สร้างความผูกพันทางอารมณ์อย่างลึกซึ้งกับใคร เพื่อรักษาความเป็นอิสระของตน ถึงแม้จะไม่ต้องการทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่การโกหกและความไม่จริงใจถือว่าเป็นการเล่นตามกติกาที่มี

        ความรักแบบนี้จะไม่หึงหวง หรือแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และอาจเห็นชอบให้คู่ของตนมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ ทั้งนี้เพื่อสร้างความสมดุลในความสัมพันธ์ของตน

Cool>3. ความรักแบบมิตรภาพ (Storge) 

        ความรักพัฒนามาจากมิตรภาพ เป็นความรู้สึกรักใคร่อันเนื่องมาจากการคบหากันมาเป็นเวลานาน  ไม่ได้มีความ รู้สึกตื่นเต้น เร่าร้อน แต่เน้นการกระทำที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกันและมีกิจกรรมร่วมกัน ความรักเป็นสิ่งที่มั่นคง ที่ผนวกเข้าไปกับการดำรงชีวิตตามปกติ

Cool >4. ความรักแบบลุ่มหลง (Mania) 

        ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะใฝ่หาความรัก แต่เชื่อว่าความรักเป็นความเจ็บปวด ปรารถนาความใกล้ชิดและต้องการความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ต้องการให้คู่รักของตนแสดงความรักมากกว่าปกติ เมื่อใดที่คู่รักไม่ได้แสดงความใส่ใจ หรือไม่แสดงความรักตามที่ปรารถนา อาจจะทำร้ายตนเอง เพื่อเอาชนะความรัก คู่รักประเภทนี้เชื่อว่า เมื่อปราศจากความรักจากอีกฝ่าย ชีวิตก็ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป

Cool5. ความรักแบบมีเหตุผล (Pragma) 

        เป็นความรักที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความเป็นจริง ผู้ที่มีความรักแบบนี้จะแสวงหาคู่ที่เหมาะสมกับตนมากที่สุด เชื่อว่าความสัมพันธ์จะราบรื่นก็ต่อเมื่อคู่รักสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานของกันและกัน ได้แสวงหาคนที่มีลักษณะคล้ายตนหรือต่างจากตน แต่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาด การเลือกคู่จะมีลักษณะคล้ายรักเผื่อเลือก ทั้งนี้ก็เพราะคาดหวังสัมพันธภาพที่ยั่งยืน

Cool >6. ความรักแบบเสียสละ (Agape) 

        เป็นความรักที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว ต้องการเป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ มีความห่วงใย และคำนึงถึงความสุขของคู่รักเป็นสำคัญ โดยไม่ใส่ใจกับความต้องการของตนเอง "การให้" เป็นปัจจัยสำคัญของความรักแบบนี้ นักจิตวิทยาได้ทำการศึกษาพบว่า ในชีวิตจริงคู่สมรสจะมีรูปแบบความรักที่คล้ายคลึงกัน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างคู่ที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกับคู่ที่เลิกราไป พบว่าประเภทแรกจะมีความรักแบบเสน่หาสูงกว่า และมีความรักแบบไม่ผูกมัดต่ำกว่าประเภทหลัง รูปแบบของความรักอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และลักษณะของบุคคลที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย



โดดเดี่ยวเดียวดายให้มีสุข



          ความรักของเราแต่ละคนอาจเริ่มต้นจากการพบกันโดยบังเอิญ
          มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกันตอนไปงานเลี้ยง งานวันเกิดเพื่อน
          ทำงานที่เดียวกัน   หรือรู้จักมักคุ้นกันตั้งแต่ยังเด็ก ฯลฯ


          ไม่ว่าเราจะพบเจอกันด้วยเหตุการณ์แบบไหน
          การเริ่มต้นของความรักก็มักเริ่มจากความสุขและความงดงามเสมอ
          มีความทรงจำและความประทับใจในกันและกันจนต้องสานสัมพันธ์ต่อ
          ทำความรู้จักตั้งแต่ผิวเผินจนมาเป็นคนรักกันในที่สุด



          แต่ใครจะไปรู้ว่าความรักครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
          ไม่ว่าจุดเริ่มต้นจะเป็นเช่นไร สุดท้ายก็มีแต่ความเศร้าอยู่ดี

          แม้เราจะพยายามทำใจให้ยอมรับกับความไม่แน่นอนบ้างแล้วส่วนหนึ่ง
          แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ก็ไม่มีใครห้ามน้ำตาไม่ให้มันไหลได้เลยสักคน


          ความรักนั้นมักถูกมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต
          จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับมันมากเป็นพิเศษ
          และพยายามสืบเสาะหาใครคนนั้นที่จะมาเป็นคู่ชีวิต
          เพื่อที่จะมาร่วมสร้างความสุข   เสียงหัวเราะ   มอบรอยยิ้ม 
          มอบสิ่งดีๆ ให้แก่กัน สร้างอนาคตที่สดใส
          ใช้วันคืนและแบ่งปันความสุขความทุกข์ที่มีร่วมกัน


          เมื่อถึงวันนั้นเราจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันอยู่กับเราไปนานๆ
          แต่ความรักมันก็เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิตที่เราได้แต่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น
          รักกันให้ดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ   พูดแต่สิ่งดีๆ   มอบแต่สิ่งดีๆ ให้คนที่เรารัก


          แต่มันจะลงเอยอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่อาจกำหนดผลได้
          จะสมหวังหรือผิดหวังก็เป็นเพียงสิ่งที่สามารถจะเกิดขึ้นได้ทั้งสองทาง
          เราคงไม่อาจไปทัดทานอะไรได้


          หากเขาเป็นคนที่ใช่...สุดท้ายมันก็คือใช่          แต่หากเขาไม่ใช่...จะยื้ออย่างไรก็คงอยู่กับเราได้ไม่นานนัก
          กับคำถามที่ว่าความรักมักเริ่มต้นด้วยความสุข และจุดจบจะต้องเศร้า
          จึงไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป. . .
ขอบคุน kapook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น